หลีกเลี่ยงลมหนาวและแสงแดด
โดยปกติแล้ว ดวงตาของเราจะมีน้ำตามาหล่อลื่นช่วยให้เกิดความชุ่มชื้นทำให้มองเห็นภาพได้ ชัดเจนและยังช่วยนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงกระจกตาที่เป็นด่านป้องกัน การติดเชื้อเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา และน้ำตายังเป็นตัวช่วยชำระล้างสิ่งแปลกปลอมออกไป ดังนั้นหากมีปัญหาในเรื่องปริมาณน้ำตาหลั่งมาหล่อเลี้ยงดวงตาไม่เพียงพอ หรือมีการระเหยของน้ำตาที่มากเกินไป อาการเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคตาแห้งได้
โรคตาแห้งเกิดได้จาก 2 ปัจจัย คือ
1. มีความผิดปกติของน้ำตาผิวหน้าดวงตาที่มีการสร้างน้ำตาลดน้อยลง ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น การทำงานของต่อมน้ำตาลดลงเนื่องจากอายุมากขึ้น เส้นประสาทเลี้ยงท่อน้ำตาลดลง หรือการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน
2.การ สูญเสียน้ำตาออกไปจากผิวหน้าดวงตามากเกินไป เกิดจากสาเหตุ เช่น เกิดภาวะหลับตาไม่สนิท ทำให้เปลือกตาอักเสบ หรือขาดสารอาหาร ได้แก่ วิตามินเอและอี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมอื่นอีก เช่น อากาศที่หนาวเย็น ทำให้ความชื้นลดลง มีฝุ่นละอองมากขึ้น
เมื่อดวงตาต้องเผชิญกับลมหนาว หรือแสงแดดแรงจะทำให้ดวงตาแห้งหรือเป็นโรคตาแห้งได้
อาการที่พบบ่อย ๆ คือ แสบตา ระคายเคืองตาคล้ายมีเศษผงหรือฝุ่นเข้าตา ลืมตาไม่ได้หรือน้ำตาไหลไม่หยุด ซึ่งบางคนอาจเป็นอาการเดียวหรือหลายอาการร่วมกันและหากเป็นโรคตาแห้งแล้วไม่ ดูแลถนอมดวงตาจะทำให้กระจกตาอักเสบ ตาแดงและติดเชื้อได้ง่ายจนอาจถึงขั้นสูญเสียดวงตาไป หากใครมีอาการดังกล่าวควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาและรักษาก่อนที่จะเป็นรุนแรง
วิธีการดูแลถนอมดวงตา ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับลมแสงแดดและ ฝุ่นละอองด้วยการสวมแว่นกันแดด ถ้าอากาศหนาวมาก ต้องนั่งผิงไฟควรนั่งต้นลมไม่ให้แสงไฟมาปะทะดวงตา นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอและอีก็มีส่วนช่วยในการบำรุงดวงตา ได้โดยเฉพาะผักใบเขียวและผักสีเหลือง เช่น ผักบุ้ง ฟักทอง ซึ่งประโยชน์ของวิตามินเอจะทำหน้าที่ที่สำคัญในการ นำไปใช้ในการสร้างเม็ดสีที่ช่วยในการ มองเห็นภาพในที่มืด และอย่าลืมดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ อย่างน้อย วันละ 8 แก้วด้วยเพื่อสุขภาพดวงตาที่ดี
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น