กินยาแก้ปวดนาน ทำลายตับถึงชีวิต


          Tips สุขภาพดีวันนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เพื่อนไม่ควรละเลยเลยค่ะ และหลายๆคนทราบดีในเรื่องนี้นั่นก็คือเรื่องของการรับประทานยาแก้ปวดติดต่อกันหลายๆวัน มาดูกันค่ะว่ามันมีผลกระทบต่อร่างกายเราอย่างไรบ้าง
           ตับ เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกาย อยู่ส่วนบนของช่องท้อง บริเวณใต้กระบังลม มี 2 พู ด้านขวาใหญ่กว่าด้านซ้าย น้ำหนักราว 1.3-3 กก. นุ่ม สีชมพูอมน้ำตาล เนื้อของตับหากเกิดบาดเจ็บหรือเป็นโรคจนเสียหายไป เสียแล้วจะเสียเลยไม่มีสร้างขึ้นใหม่แทน



             หน้าที่ มีหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ผลิตน้ำดีเพื่อช่วยย่อยอาหาร ควบคุมกลไกการเปลี่ยนแปลงของอาหารคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่เข้าไปในกระแส เลือด สร้างปัจจัยให้เลือดแข็งตัว แปรสภาพของสารที่เป็นพิษและยาให้อยู่ในรูปที่ร่างกายสามารถขับออกไปได้ และอีกหลาย ๆ อย่าง มากมาย

             โรคของตับ มีหลายแบบ หลัก ๆ คือ การอักเสบ อาจเกิดจากการติดเชื้อ เชื้อโรคเข้าไปในร่างกายทั้งทางอาหารและทางกระแสโลหิต จากสารพิษ ที่พบบ่อยคือสารเคมีหรือยาทั้งกินหรือพ่นเป็นฝอยผ่านทางจมูก จากเรื่องพันธุกรรมและภูมิแพ้ตัวเอง ตับแข็ง เป็นผลจากเชื้อไวรัสที่เข้าไป เช่น ไวรัสตับ B และ C ที่พบกันบ่อย ลงท้ายจะไปอยู่ในตับเป็นรังเก็บเชื้อขนาดใหญ่ ทำให้เกิดเป็นมะเร็งตับภายหลังได้ นอกจากนี้ยังมีจากดื่มสุราเรื้อรังและจากสารพิษต่าง ๆ อีกด้วย

             ที่คุยเรื่องตับในวันนี้ อยากให้ระมัดระวังในการกินยานาน ๆ ยาทุกตัวตับต้องทำงานเพื่อสลายขับออก กินชั่วระยะหนึ่งเท่าที่จำเป็นคงไม่เป็นไร หากกินพร่ำเพรื่อโดยไม่จำเป็น จะเกิดการสะสม นานเข้าทำให้ตับเสียหน้าที่ ลงท้ายรายที่รุนแรงจะเกิดตับวายมีอันตรายถึงชีวิตได้

             บังเอิญ ได้พบคนไข้เรื่องนี้พอดี เลยขอเล่าให้ฟัง คนไข้ชายอายุ 47 ปี มีประวัติเป็นไข้ต่ำ ๆ ทุกวันและปวดบริเวณทรวงอกตอนกลาง อยู่ต่างจังหวัด ได้ไปให้แพทย์ตรวจอย่างสม่ำเสมอมาตลอดก็ยังหาสาเหตุไม่พบว่าจากเหตุใด ระหว่างรอผลอยู่ก็กินยาแก้ปวด Paracetamal ไปด้วย เป็นคนรักงาน รับผิดชอบงานสูงมาก พอกินยาระงับปวดแล้วก็สบายทำงานได้เป็นปกติ พอหมดฤทธิ์ยาไข้ไม่หาย จึงกินยาไปเรื่อย ๆ และมีอาการท้องเสียบ่อย ๆ เป็น ๆ หาย ๆ มาตลอด

             คนไข้รายนี้มีประวัติเป็นโรคตับอักเสบมาก่อน ไม่ได้เฉลียวใจว่าการสะสมพิษของยาแก้ปวดไปเรื่อย ๆ จะไปทำลายเซลล์ของตับให้เพิ่มขึ้น เพียงระยะ 2 เดือน น้ำหนักลดไปร่วม 10 กก. จากเบื่ออาหาร กินไม่ค่อยลง แต่ก็ยังทำงานได้เป็นปกติ

             เมื่อคนไข้ถูกย้ายจากต่างจังหวัดมาอยู่แผนกศัลยกรรม รพ.ราชวิถี แพทย์ได้ตรวจจนพบสาเหตุของไข้ที่ขึ้นทุกวันนั้น เกิดจากต่อมน้ำเหลืองในทรวงอกโตและอักเสบ รวมทั้งเรื่องตับอักเสบร่วมด้วย ตรวจหน้าที่ของตับสูญเสียหน้าที่ไป มาก ถ้าเปรียบเทียบตับเหมือนเป็นโรงงานโรงหนึ่ง เครื่องในโรงงานเสียไปหมดแล้ว ตัวเอนไซม์แสดงหน้าที่ของตับ SGPT, SGOT ปกติไม่เกิน 40 หน่วยได้ขึ้นไปถึง 685 หน่วย ตาเหลืองชัดเจน ที่สำคัญหน้าที่ในการสร้างเกล็ดเลือดให้เลือดแข็งตัวได้เสียไปด้วย

             แพทย์ให้การวินิจฉัยคนไข้รายนี้ว่า ตับอักเสบจากพิษของยาระงับปวดที่กินมานานร่วม 2 เดือน ไข้มีสาเหตุมาจากเรื่องต่อมน้ำเหลืองโตในทรวงอก และที่ท้องเสียบ่อย ๆ ก็เกิดจากแผลในลำไส้ใหญ่ที่เนื้องอกลุกลามไปนั่นเอง

             เรื่องต่อมน้ำเหลืองโตในทรวงอก เป็นโรคอย่างหนึ่งที่สามารถให้การรักษาได้ผลดีทางเคมีบำบัดหรือรังสี ที่ผ่าน ๆ มาเห็นมีอายุยืนยาวด้วยกันทั้งนั้น แต่เป็นที่น่าเสียดายและเสียใจสำหรับคนไข้รายนี้ที่ ภาวะตับเสีย ทำให้เกิดการตกเลือดในลำไส้ใหญ่อย่างมาก แม้แพทย์จะได้ใส่กล้องเข้าทางทวารหนักเพื่อหนีบเส้นเลือดที่ไหลออกจนหยุด แล้วก็ตาม ภาวะตับเสียทำให้ไตหยุดทำงานไปด้วย ทีมแพทย์ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันเต็มที่ พร้อมทั้งฟอกไตด้วย สุดท้ายก็มิอาจช่วยให้ชีวิตยืนยาว อยู่ต่อไปอีกได้ ทุกคนเสียดายและเสียใจอย่างมากเพราะอายุยังน้อย และอาการตกเลือดเกิดเร็วมากเป็นแบบเฉียบพลัน รวมเวลาอยู่ใน รพ. 2 อาทิตย์

             คนไข้รายนี้มองทางวิชาการเป็นตัว อย่างของผู้ที่กินยาแก้ปวดนานเกินไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ยาทุกชนิดโดยเฉพาะยาแก้ปวดทำให้ตับต้องทำงานมากขึ้นเพื่อขับออก ยิ่งตับเคยอักเสบเก่าอยู่ด้วยจะทำให้ตับทำงานมากขึ้น คนไข้รายนี้ถือเป็นวิทยาทานอันยิ่งใหญ่ที่ให้เราพึงระลึกไว้ว่า การกินยาแก้ปวดหรือยาอื่นใดระยะยาวก็ตาม ควรต้องปรึกษาแพทย์ไว้ด้วยเสมอ. 
from dalinews

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความล่าสุด

 
 
 

สารบัญเว็บไซต์แนะนำ

  • เว็บไซต์แนะนำ
  • ชมคลิปน่าสนใจ |

    ร่วมเป็นสมาชิกสุขภาพดีกับเราสิ่คะ